วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556

การอ่านในใจ


การอ่านในใจ  เป็นการอ่านเพื่อเก็บใจความสำคัญและทำความเข้าใจ   เป็นการอ่านเพื่อแสวงหาความรู้ความบันเทิงให้แก่ตนเอง  ผู้อ่านต้องมีความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์และสามารถเข้าใจเรื่องราวที่อ่านได้โดยตลอด
               หลักทั่วไปของการอ่านในใจ
                การอ่านได้เร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับคุณสมบัติบางประการของผู้อ่าน  ดังนี้
                   ๑.  วงศัพท์  ถ้าผู้อ่านรู้ศัพท์มาก  คือรู้ความหมายที่แท้จริงของถ้อยคำ  สำนวนในบทอ่านก็จะสามารถเข้าใจเรื่องที่อ่านได้ดีและรวดเร็ว  ถ้ารู้ศัพท์น้อยก็ไม่อาจจับใจความของเรื่องที่อ่าน  เป็นการอ่านที่เสียเวลา  และอาจนำไปสื่อสารต่อไปอย่างผิดๆ
                   ๒.  ช่วงสายตา   การอ่านที่ดีควรอ่านเป็นกลุ่มไม่ใช่อ่านทีละคำ  ยิ่งผู้อ่านมีช่วงสายตายาว  คืออ่านได้ทีละกลุ่มใหญ่  และเลื่อนช่วงสายตาไปข้างหน้าได้เร็วเพียงใดก็สามารถอ่านได้เร็วเพียงนั้น   กลุ่มคำที่ขีดคั่นต่อไปนี้เป็นกลุ่มคำที่ควรทอดสายตาแต่ละช่วง  งานที่สนุกที่หนึ่ง / ในวัดเบญจมฯ / คืองานออกร้าน / ในวัดนี้




                   ๓.  การเคลื่อนไหวริมฝีปาก   ตามธรรมดาการอ่านในใจย่อมอ่านได้เร็วกว่าการอ่านออกเสียง  เพราะการอ่านออกเสียงต้องอ่านทีละคำ  ถึงแม้จะเป็นการอ่านในใจ  ถ้าต้องทำปากขมุบขมิบริมฝีปากตามไปด้วยก็ทำให้เสียเวลาไล่เลี่ยกับการอ่านออกเสียง   การอ่านในใจที่ถูกต้องจึงไม่ควรเคลื่อนไหวริมฝีปากในขณะอ่าน
                   ๔.  ระยะสายตา   การอ่านหนังสือที่พอเหมาะแก่ระยะสายตา  จะช่วยให้เห็นชัดและสบายตา  คือระยะ  ๑๕  นิ้ว  การอ่านหนังสือที่อยู่ห่างจากตามากหรือน้อยกว่าระยะนี้จะอ่านได้ไม่ชัดและเป็นอันตรายต่อสายตา
                  ๕.  ความมุ่งหมาย   การอ่านจะได้ผลดีที่สุดต่อเมื่อผู้อ่านมีความต้องการรู้เรื่องในข้อความที่อ่าน  ผู้อ่านจะสามารถจับใจความสำคัญได้ดีและเร็ว   ถ้าความมุ่งประสงค์ของผู้อ่านและผู้เขียนตรงกัน  กล่าวคือผู้อ่านใคร่รู้เรื่องที่ผู้เขียนต้องการสื่อสารแก่ผู้อ่าน  ในการอ่านแต่ละครั้งควรตั้งจุดมุ่งหมายในการอ่านให้ชัดเจนว่าต้องการรู้เรื่องอะไร  โดยพยายามตั้งคำถามจากชื่อบทหรือหัวข้อที่อ่านแล้วหาคำตอบจากบทอ่านนั้น

            วิธีการอ่านในใจ  
                    การอ่านในใจอาจแบ่งตามความมุ่งหมายได้    วิธี  คือ  อ่านอย่างเร็วและอ่านอย่างละเอียด 
                  อ่านอย่างเร็ว  การอ่านอย่างเร็วเป็นการอ่านผ่านๆไปอย่างรวบรัด   อาจข้ามตอนใดตอนหนึ่งหรือใจความส่วนใหญ่ใช้ในกรณีที่เรื่องนั้นๆคุ้นและเป็นที่น่าสนใจ  หรือรู้สึกสนุกสำหรับผู้อ่าน   ถึงแม้จะมีคำบางคำที่เป็นคำแปลกใหม่ไม่รู้จักมาก่อนก็อาจข้ามไปได้  บางทีผู้อ่านไม่ได้สังเกตเห็นด้วยซ้ำไปการอ่านอย่างเร็วใช้ในการอ่านข้อความประเภทนวนิยาย  เรื่องสั้น  บทความ ชื่อเฉพาะที่คุ้นเคย  เช่นชื่อห้าร้าน  ชื่อสินค้า  พาดหัวหนังสือพิมพ์  การค้นหาคำ  หรือข้อความอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นต้น
               โดยทั่วไปการอ่านอย่างเร็วอาจทำได้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายๆอย่างพร้อมกันตามหัวข้อต่อไปนี้  ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการอ่าน
       อ่านเฉพาะหัวข้อเรื่อง  หัวข้อเรื่องมักพิมพ์ด้วยตัวหนา
     พิจารณาใจความสำคัญของแต่ละย่อหน้า  ใจความสำคัญมักปรากฏอยู่ในประโยคตอนต้น  หรือตอนท้ายของย่อหน้า
๓.   หาชื่อ  สถานที่  วันที่  คำจำกัดความ  กฎเกณฑ์  หรือข้อคิดที่สำคัญ
๔.   อ่านอักษรตัวหนา  ตัวเอน  และเครื่องหมายอื่นๆที่แสดงความคิดที่สำคัญ
๕.   พิจารณาโครงเรื่องหรือองค์ประกอบของข้อความ  เพื่อหาใจความสรุประหว่างความคิดเห็น  ข้อเท็จจริง  และกฎเกณฑ์ต่างๆ
                การอ่านอย่างเร็วมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ควบคู่ไปกับการอ่านอย่างละเอียด  คือก่อนลงมืออ่านข้อความอย่างละเอียดควรได้อ่านอย่างเร็วมาล่วงหน้าแล้ว  และเมื่ออ่านอย่างละเอียดแล้วก็กลับมาอ่านอย่างเร็วอีกครั้งหนึ่ง
                   การอ่านอย่างละเอียด  การอ่านอย่างละเอียดคือ  การอ่านอย่างพินิจพิเคราะห์เพื่อให้เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่อ่าน   ขณะที่อ่านอย่างละเอียดควรหยุดตั้งคำถามไปด้วยว่าได้อะไรบ้างจากการอ่าน  อาจบันทึกถ้อยคำหรือหัวข้อสำคัญไว้ด้วย เมื่ออ่านจบแต่ละบทให้นึกย้อนกลับไปใหม่ว่าจะจัดลำดับความสำคัญและข้อเท็จจริงที่ได้จากการอ่านอย่างไร

1 ความคิดเห็น:

  1. นับว่าเป็นองค์ความรู้เรื่องการอ่านที่มีความสมบูรณ์ อย่างยิ่งสามารถนำเป็นเป็นประโยชน์ในการจัดการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดี ขอขอบคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ

    ตอบลบ